วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

เก๋ากี๊



 เก๋ากี้ (GOJI BERRY) หรือ Lycium Barbarum เป็น ผลไม้ชนิดหนึ่งตระกูลเบอร์รีสีแดงมีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง
เก๋ากี้ สมุนไพรเม็ดแดงๆที่เมื่อบิออกดูด้านในแล้ว จะพบกับเม็ดเล็กๆสีขาวๆ อยู่ภายในเม็ดเก๋ากี้ แต่ก็สามารถรับประทานได้ทั้งเม็ดโดยไม่ส่งผลเสียใดๆต่อสุขภาพ ภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวถึงเก๋ากี้ไว้ว่า "เก๋ากี้โลกอยู่ที่เมืองจีน เก๋ากี้จีนต้องที่หนิงเซี่ย" อธิบายความให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยเป็นแหล่งกำเนิดและแหล่งผลิตเก๋ากี้ที่สำคัญของจีนและของโลก

          โดย เฉพาะตำบลจงหนิงที่เมื่อถึงฤดูเก็บเม็ดเก๋ากี้แล้ว จะเห็นสวนเก๋ากี้ที่เต็มไปด้วยต้นเก๋ากี้สูงท่วมหัวเรียงรายเป็นทิวแถว ขนาดของเก๋ากี้ที่จงหนิงใหญ่และมีความสดมาก เปลือกบางแต่เนื้อแน่นรสหวานชุ่มคอ มีลักษณะแบนแต่ก็ไม่กลมยาวรีแต่ไม่ลีบ ไม่จับตัวเป็นก้อน จึงสามารถเก็บไว้ได้นาน

          ในปีค.ศ. 1995 ทางรัฐบาลประกาศให้ตำบลจงหนิงเป็น "บ้านเกิดเก๋ากี้จีน" ดังนั้นเก๋ากี้ที่ผลิตจากพื้นที่แถบนี้ล้วนเป็นเก๋ากี้ที่ได้รับการการันตี เรื่องคุณภาพ ในบริเวณอื่นๆ ของประเทศก็มีการปลูกเช่นกันอย่างมณฑลเหอเป่ย์ มณฑลซานตง มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง ฯลฯ 

เก๋ากี้ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบัน แยกเป็นลักษณะใหญ่ๆ ได้ 2 แบบ คือ เม็ดใหญ่ สีแดง เนื้อ หนา รสหวาน ทานง่าย อร่อยกว่ากับเม็ดเล็ก สีจะออกแดงเรื่อๆ รสจะออกเปรี้ยวมากกว่าทานยากกว่า จากการวิจัยเราพบว่า เก๋ากี้มีสารกลุ่มฟีโนลิค และโพลีแซคคาไรด์ ที่มีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัยชรา ช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นอกจากนี้ ในเก๋ากี้ ยังมี กรดอะมิโน 18 ชนิด

แร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่ สังกะสี, เหล็ก, ทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม, เซเรเนียม และฟอสฟอรัส มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีต มีวิตามิน ซี เอ และบี 2 อย่างไรก็ตาม จะสังเกตเห็นว่าการทานเก๋ากี้ในบ้านเรายังมีวิธีการใช้ที่ยังไม่ค่อยถูกต้อง ส่วนใหญ่จะใส่เก๋ากี้ พร้อมกับเครื่องปรุงลงไปในอาหารที่กำลังเดือด และร้อนจัดตุ๋นจนเปื่อย ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้สารสำคัญที่ได้รับขาดหายไป และรสชาติของอาหารที่ได้จะออกรสเปรี้ยวมากกว่า


สรรพคุณโดยรวมของเม็ดเก๋ากี้คือ
1. ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น เพราะมีสารต่างซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกาย ที่เมื่อเกิดการทำงานร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม และนำพาคำสั่งต่างๆ ที่เซลล์ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ครอบคลุมทุกระบบ ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานสัมพันธ์กันได้ดี ซึ่งจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้อาการอ่อนเพลีย เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือดที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ลดอาการอักเสบของโรคไขข้ออักเสบ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ปรับปรุงระบบการย่อย ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ ทำให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการนอนไม่หลับ  ปรับปรุงคุณภาพของการนอน ช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา
2. ใช้รักษาอาการทางด้านสายตา จากงานวิจัยพบว่าเมล็ดเก๋ากี้ยังมีสารจำพวก zeaxanthin และlutein อยู่สูงมากซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารจำพวก carotenoid  ที่ ช่วยป้องกัน ช่วยปรับสภาพแสง และกรองแสงสีน้ำเงินที่เข้าสู่ตาที่มีอันตรายต่อตา ป้องกันการเสื่อมของเลนลูกนัยน์ตาและจอภาพเรตินาจากอนุมูลอิสระได้ ช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืน ช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นเป็นปกติ นอกจากนี้ผลเก๋ากี้ยังมีมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) หากร่างกายขาดวิตามินเอจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่าง น้อย เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้
3. เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง  ในผลเก๋ากี้มีสาร Polysaccharides ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลเม็ดเลือดขาว (T & B lymphocyte) ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ เก๋ากี้มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยกระตุ้นไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้
4. เก๋ากี้ มีวิตามิน B1, B2, C และ สารพวกฟลาวานอยด์ในปริมาณที่สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระโดยไปกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ใน ร่างกายให้ทำงานต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการกำจัดอนุมูลอิสรจะช่วยปกป้องผนังเซลล์ในร่างกาย ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณชะลอความชรา กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต โดยต่อมใต้สมอง (human growth hormone)
5.ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง อนุมูลอิสระในผลเก๋ากี้มีผลช่วยทำลายป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีนสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ซึ่งให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยของจีนที่บ่งชี้ว่า  ผลเก๋ากี้ช่วยต่อต้านมะเร็งและยังสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยในปี 2537 มี ผลการศึกษาที่ได้รับการบันทึกลงในวารสารจีนเกี่ยวกับเนื้องอกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีการตอบสนองในการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้นเมื่อมีการนำผลเก๋ากี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษา และยังช่วยอาการข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีคีโมและฉายรังสีด้วย
6.ลด ระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน ลดโคเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะในเก๋ากี้มีสารพวกไซเพอโรน (cyperone) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานิน (anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีเบต้า-ไซโตสเตอรอล (beta-sitosterol) ซึ่ง สามารถช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอลที่ดีต่อร่างกาย ให้อยู่ในปริมาณสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอลถูกเติมออกซิเจนและ เกิดเป็นคราบอุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ที่ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจเนื่องจากเส้นเลือดตีบ
7. เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง
8.ช่วยบรรเทาโรคเกี่ยวกับไทรอยด์
9.ส่งเสริมให้การทำงานของตับเพราะมีซีรีโบรไซด์(cerebroside) ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของตับให้เป็นปกติ
10. ส่งเสริมให้การทำงานของไตให้เป็นปรกติ
11. ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ในกระเพาะอาหารทำงานได้เป็นปกติ ทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารดีขึ้น
12. มีบีเทนที่ช่วยให้เกิดการสร้างสารโคลีน (choline) ซึ่ง เป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเพื่อควบคุมความกังวลและความเครียดให้ลดลงอยู่ในสภาวะ ปกติ ด้วยเหตุนี้เก๋ากี้จึงมีชื่อเรียกอย่างว่า แฮปปี้เบอร์รี่ (happy berry) ทำให้มีอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส
13. ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน (Testosterone) ในเลือดทำให้มีความต้องการทางเพศมากขึ้นทั้งในผู้ชายและผู้หญิง